The End of Eternity จุดดับแห่งนิรันดริ์
เป็นนิยายแนวไซไฟ (น่าจะเรียกว่า ฮาร์ดไซไฟก็ได้)
ของนักเขียนนิยายไซไฟผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลนาม ไอแซค อาซิมอฟ (Isaac Asimov)
ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี คศ. 1955 โดย สนพ. Doubleday ครับ
ใครที่เป็นแฟนนิยายไซไฟผมคิดว่าน่าจะได้อ่านกันทุกคน
เพียงแต่อาจจะได้อ่านใน version
ภาษาไทยในยุคหลายสิบปีมาแล้วที่นิยายวิทยาศาสตร์เป็นที่นิยมในเมืองไทย
ถ้าจะให้กะประมาณก็น่าจะเป็นยุค นิยายเรื่องสถาบันสถาปนา
ที่อออกมาเป็นซีรีย์ครับ
สำหรับผมเพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ครั้งแรกตอนที่ สนพ.โปรวิชั่นนำออกมาตีพิมพ์ใหม่เมื่อสิบกว่าปีก่อน ตามหน้าปกรูปด้านล่าง
ทำไมแนะนำให้อ่าน?
ท่านที่ชอบนิยายไซไฟแบบสมจริง มีทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์มาอ้างอิงในเรื่องเพื่อความทสมจริงไม่น่าจะพลาดเรื่องนี้ด้วยประการทั้งปวง
The
End of Eternity เล่าเรื่องของ ผู้ชำนาญการ (Technician
หรือช่างเทคนิค)ที่ชื่อ แอนดรู ฮาร์เลน
ซึ่งได้พยายามเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ในช่วงเวลาต่างๆ
(ว่ากันเป็นพันๆแสนๆศตวรรษ)
โดยเดินทางท่องไปตามกาลเวลาด้วยยานเวลาเครื่องมือที่เขาใช้ปรับสภาพแท้จริงให้เป็นไปตามที่มนุษย์นิรันดร์ต้องการ
แอนดรู
ฮาร์เลนยอมฝ่ากฎระเบียบของนิรันดร์กาลเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ
นั่นคือผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ นอยย์ ยีส ….
แต่เรื่องราวคงไม่ออกมาง่ายขนาดนั้นและจบแบบ
happy ฮาร์เลนถ้าไม่มีเรื่อง loop ของเวลาเข้ามาเกี่ยว เรื่องของ time
paradox และผู้เชี่ยวชาญคอมพิวเตอร์ทวิสเซลล์ อีก
ทั้งคนที่ขาดไม่ได้คือผู้สร้างแก่นพลังงานของนิรันดร์กาลที่ชื่อ มาลาซอน….
จนทั้งหมดนำไปสู่จุดที่เรียกว่าสามารถช็อคคนอ่านได้ในตอนจบ
ชนิดที่คุณจะคาดไม่ถึงเดาไม่ออก
Plot หรือโครเรื่อง The End of Eternity ถูกอาซิมอฟวางไว้อย่างดีเยี่ยม ไม่มีช่องโหวให้วิจารณ์ว่าไม่กลมกลืนหรือกระโดดออกจากเรื่อง
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่นำมาสนับสนุนก็สมเหตุผล
ที่สำคัญตอนจบ concept หรือแนวคิดที่ Asimov
บอกเรานั้นถือว่าสุดยอดมากในความคิดของผม
เป็นสัจธรรมที่ใช้ได้ในทุกยุคสมัยและเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับเรามานุษย์ทุกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“…มนุษย์ชาติจะเปลี่ยนแปลงได้เพราะมีอุปสรรคและปัญหาเข้ามาหาพวกเขา…” นี่คือคำสรุปสั้นๆที่อาซิมอฟได้บอกเรา
สำหรับผม
นี่คือนิยายวิทยาศาสตร์ Hard Sci-fi
เกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลาที่ดีที่สุดเท่าที่เคยอ่านมาจะบอกดีที่สุดในโลกก็คงไม่น่าเกลียดครับ
สำหรับรอบสองซึ่งเพิ่งอ่านจบไปเมื่อวานด้วยอายุที่มากขึ้นความคิดประสบการณ์ในการอ่านและเจอเรื่องราวต่างๆทั้งทางรอบตัวและในโลก
หลังจากทิ้งช่วงจากภาคแรกสิบปีกว่า
ทำให้รู้สึกอิ่มและทึ่งในความคิดของอาซิมอฟเขาไม่เพียงแต่เป็นนักเขียนนิยายไซไฟตลาดๆทั่วไป
แต่สำหรับผมแล้ว อาซิมอฟคือผู้วางรากฐานความคิดทางด้านหุ่นยนต์
(ถ้าใครจำกฎสามข้อของหุ่นยนต์ได้)
อวกาศและอนาคตได้ราวกับเขามีตาทิพย์มองเห็นสิ่งต่างๆที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า
นับหลายสิบปี เสียดายครับที่เรายังไม่สามารถหนีความตายพ้น
มิฉะนั้นในตอนนี้อาซิมอฟต้องเขียนงานไอเดียแปลกๆให้เราอ่านจนเราคาดไม่ถึง
แน่ๆ
No comments:
Post a Comment